วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Rest in peace Steve Jobs

Steve Jobs (1955-2011)

"การเป็น คนรวยที่สุดในสุสานไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่การที่ผมได้นอนหลับบนเตียงและพูดว่า วันนี้เราได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทิ้งไว้ให้กับโลก คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด" 
       
       คือคำพูดที่สตีฟ จ็อบส์ กล่าวไว้ในช่วงปี 1993 และอาจทำให้หลายคนอดนึกถึงไม่ได้เมื่อวันที่ จ็อบส์ ได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ
       
       "จ็อบส์ ได้ทิ้งสิ่งมหัศจรรย์ไว้กับโลกมากมาย ตั้งแต่ แมคอินทอชจนถึงไอแพด" คือคำกล่าวของสังคมทวิตเตอร์และเฟสบุ๊กในหลายประเทศ และเป็นสิ่งชี้ให้เห็นว่า จ็อบส์ พูดและทำได้จริงตามคำกล่าวด้านบน
       
       แน่นอนว่าเขาเป็นมากกว่าตำนาน เพราะจ็อบส์ไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรเทคโนโลยีหรือเป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่โลกเพียงอย่างเดียว แต่จ็อบส์คือนัก คิด นักพูด นักศิลปะ และเป็นตัวอย่างของนักสู้ ที่ทนต่อสู้กับมะเร็งโรคร้ายเป็นเวลามากกว่า 8 ปี โดยไม่ทิ้งบริษัทให้เดินลำพัง จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
       
       ตลอดระยะเวลา 56 ปี ตั้งแต่เด็กชายจ็อบส์ถึงซีอีโอแอปเปิลได้สร้างสิ่งที่เป็นมากกว่าตำนานให้ แก่โลกมากมาย แต่ชีวิตทุกชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกสิ่งต้องมีจุดเริ่มต้นและแรงผลักดัน...
       
       24 กุมภาพันธ์ 1955 - เด็กชายที่กลายเป็นผู้เปลี่ยนโลกเทคโนโลยีลืมตาขึ้นมาดูโลก ในช่วงที่มารดาที่แท้จริงยังเป็นนักศึกษา ส่งผลให้พ่อ-แม่บุญธรรม อย่างพอล และคลาร่า จ็อบส์ รับไปเลี้ยง ในเมืองเมาเทนวิว ซานต้า คลาร่า เคาน์ตี้ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และให้ชื่อเด็กชายผู้นั้นว่า 'สตีฟ พอล จ็อบส์'
       
       ปี 1972 - หลังเข้ารับการศึกษาที่ Reed College ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ได้เพียงเทอมเดียว จ็อบส์ เลือกที่จะพักการเรียนจากเหตุผลว่าไม่เห็นความน่าสนใจของสิ่งที่เขาเรียน อยู่ และหันไปลงเรียนเฉพาะวิชาที่ตนเองสนใจ ก่อนจะตัดสินใจเลิกเรียนถาวรโดยที่ไม่จบการศึกษาจากมาหวิทยาลัย
       
       ปี 1974 - จ็อบส์ กลับมายังแคลิฟอร์เนีย ในฐานะพนักงานผลิตและออกแบบแผ่นวงจรที่บริษัทผลิตเกมชื่อดังอย่าง อาตาริ (Atari) ซึ่งจากการทำงานในครั้งนี้ ทำให้จ็อบส์ ได้พบกับ สตีฟ วอซเนียก ในปีถัดมา
       
       1 เมษายน 1976 - จ็อบร่วมงานกับ วอซเนียก และ รอน เวนย์ ในการผลิตคอมพิวเตอร์เครื่องแรกอย่าง Apple I ที่ถูกส่งตรงจากโรงรถในบ้านพักของจ็อบส์ ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 666.66 เหรียญสหรัฐฯ (ล่าสุดมีนักสะสมชาวอิตาลีประมูลไปในปี 2010 ที่ราคา 213,600 เหรียญ หรือราว 6 ล้านบาท)
       
       16 เมษายน 1977 - คอมพิวเตอร์ Apple II ออกสู่ตลาด
       
       ธันวาคม 1980 - บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ กลายเป็นบริษัทมหาชน และเปิดขายหุ้นแก่สาธารณะในราคา 2.75 เหรียญฯ ซึ่งขณะนั้นรวบรวมเงินทุนได้ทั้งหมด 110 ล้านเหรียญ (ปัจจุบัน หุ้นของแอปเปิลปิดตลาดอยู่ที่ 378.25 เหรียญ)
       
       ปี 1982 - มูลค่ารวมของ แอปเปิล คอมพิวเตอร์ พุ่งขึ้นสู่ 1 พันล้านเหรียญ
       
       มกราคม 1983 - แอปเปิล เผยโฉมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มาพร้อมกับกราฟิก ยูสเซอร์อินเตอร์เฟส ในชื่อ ลิซ่า (Lisa) ตั้งราคาจำหน่ายที่ 9,995 เหรียญ พร้อมกับจ้าง จอนห์ สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เปปซี่-โคลา มาดำรงค์ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล
       
       24 มกราคม 1984 - แอปเปิล เผยโฉมเครื่อง แมคอินทอช ในราคา 2,500 เหรียญฯ ซึ่งกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่มาเปลี่ยนอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในภายหลัง
       
       กันยายน 1985 - จ็อบส์ ลาออกจาก แอปเปิล คอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า เน็กซ์ (NeXT)
       
       กุมภาพันธ์ 1986 - จ็อบส์เข้าซื้อกิจการ จอร์ส ลูคัส คอมพิวเตอร์ กราฟิก ในราคา 10 ล้านเหรียญ และเปลี่ยนชื่อเป็น พิกซาร์ อิงค์ (Pixar Inc)
       
       กุมภาพันธ์ 1993 - เน็กซ์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของสตีฟ จ็อบส์ ตัดสินใจเลือกผลิตคอมพิวเตอร์ หันมาพัฒนาทางด้านซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ และปลดพลักงานกว่าครึ่งจากทั้งหมด 540 คน
       
       พฤศจิกายน 1995 - พิกซาร์ ทำรายได้มหาศาลจาก ทอย สตอรี่ (Toy Story) โดย จ็อบส์ เป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก่อนที่จะขายบริษัทให้ ดิสนีย์ ในราคา 7,400 ล้านเหรียญภายหลัง
       
       20 ธันวาคม 1996 - แอปเปิล ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ เน็กซ์ ในมูลค่า 430 ล้านเหรียญฯ สำหรับระบบปฏิบตัการ ทำให้จ็อบส์ กลับมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทในส่วนของซอฟต์แวร์ แมคอินทอช ขณะเดียวกันยังได้แต่งตั้ง กิล อแมลีโอ มาดำรงค์ตำแหน่งซีอีโอ
       
       9 กรกฏาคม 1997 - 17 เดือนให้หลัง กิล ถูกกดดันให้ลากออก ส่งผลให้จ็อบส์ ขึ้นมาเป็นรักษาการซีอีโอ ระหว่างค้นหาผู้ที่จะมาดำรงค์ตำแหน่งแทน จ็อบส์เรียกตำแหน่งนี้ว่า 'iCEO : interim CEO'
       
       6 สิงหาคม 1997 - ภายในงาน แมคเวิลด์ จ็อบส์ ประกาศว่าคู่แข่งตลอดการของแอปเปิล อย่างไมโครซอฟท์ จะร่วมลงทุน 150 ล้านเหรียญ พร้อมกับแต่งตั้ง แลร์ลี่ แอลลิสัน ซีอีโอจากออราเคิล ขึ้นมาดูแล (Edited)
       
       พฤษภาคม 1998 - แอปเปิลกลับมาลุยในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จากการเปิดตัว iMAc ในรูปแบบออลอินวัน พีซี ที่ราคา 1,299 เหรียญ หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์ตระกูล i เริ่มออกสู่ตลาดอย่าง iBook
       
       5 มกราคม 2000 - หลังจากรับหน้าที่ iCEO มา 2 ปีครึ่ง สุดท้ายแอปเปิล ก็แต่งตั้งให้จ็อบส์ ขึ้นเป็นซีอีโอ และภายในปีเดียวกันได้มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Mac OS X พร้อมระบุว่าภายใน 10 ปีข้างหน้าแอปเปิลจะกลายเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทไอที ที่ประสบความสำเร็จมาก
       
       9 มกราคม 2001 - จ็อบส์ เปิดตัว ไอจูนส์ 'iTunes' ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ค่ายเพลงกลับมามีชีวิตอีกครั้งจากการให้บริการดาวน์โหลดเพลง
       
       24 มีนาคม 2001 - จัดส่ง Mac OS X 10.0 ในชื่อโค้ดเนม ชีต้าส์ (Cheetah) ออกสู่ตลาด
       
       พฤษภาคม 2001 - แอปเปิล เปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกที่ แมคลีน เวอจีเนีย และ เกล็นเดล แคลิฟอร์เนีย หลังหวังที่จะขยายไปกว่า 300 สาขาทั่วโลก
       
       23 ตุลาคม 2001 - จ็อบส์ ขึ้นเวทีร่ายมนต์สะกดให้แก่ชาวไอทีทั่วโลก จากการเปิดตัวเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา 'ไอพอด' ที่สามารถจัดเก็บเพลงเอ็มพีสาม ได้มากกว่า 1,000 เพลง ในราคา 399 เหรียญ
       
       28 เมษายน 2003 - คลังเพลงบนไอจูนส์ มีเพลงมากกว่า 200,000 จาก 5 ค่ายเพลงชื่อดัง นอกจากนี้ไอจูนส์ยังสามารถขายเพลงได้มากกว่า 1 ล้านเพลงในสัปดาห์แรก
       
       ตุลาคม 2003 - จ็อบส์ เริ่ม ป่วยและมีอาการทรุดโทรมจากผลของมะเร็ง ซึ่งถูกเปิดเผยภายหลังจากนิตยสารฟอร์จูนว่า จ็อบส์เลือกที่จะทานอาหารเพื่อสุขภาพแทนการผ่าตัด
       
       1 สิงหาคม 2004 - ชายวัย 49 ปี ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ ซึ่งจ็อบส์ระบุว่าเขาตัดสินใจที่จะผ่าตัดเพื่อรักษามะเร็ง โดยไม่ต้องการทำคีโม หรือฉายรังสี ทำให้ ทิมคุก ซึ่งเป็น ซีโอโอ ในขณะนั้นขึ้นมารับช่วงต่องานจนกระทั่งจ็อบส์กลับมาทำงานในเดือนกันยายน
       
       12 มิถุนายน 2005 - จ็อบส์ เริ่มพูดถึงเรื่องมะเร็งต่อสาธารณะชน ภายในงานปาฐกถา ที่มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด โดยมีคำพูดบางส่วนว่า เขาได้รับรู้เรื่องโรคมะเร็งมาปีกว่าแล้ว ซึ่งขณะนั้นหมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตได้ไม่เกิน 6 เดือน แต่ขณะนี้เขาสบายดีแล้ว เพราะมะเร็งตับถูกผ่าตัดออกไปแล้ว
       
       มกราคม 2006 - วอล์ท ดิสนีย์ ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ พิกซาร์ ในราคา 8.06 พันล้านเหรียญ แล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้จ็อบส์กลายเเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดิสนีย์ไปโดยปริยาย
       
       9 มกราคม 2007 - จ็อบส์ขึ้นร่ายมนต์สะกดอีกครั้งหนึ่งภายในงาน แมคเวิลด์ เพื่อเผยโฉมสมาร์ทโฟนที่มาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอย่าง ไอโฟน (iPhone) ซึ่งทำรายได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อษริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ กลายเป็น แอปเปิล
       
       9 มิถุนายน 2008 - เพียงปีกว่าๆหลังจากนั้น จ็อบส์ ขึ้นเวทีอีกครั้งในงานสำหรับนักพัฒนาของแอปเปิล เพื่อโชว์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 3G ที่บางขึ้น พร้อมกับความสามารถที่เพิ่มขึ้น
       
       21 กรกฏาคม 2008 - แอปเปิล ออกแถลงการเกี่ยวกับสุขภาพของสตีฟ จ็อบส์ หลังมีภาพน้ำหลักลด ไปจนถึงข่าวลือการเสียชีวิตส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลร่วงถึง 12% ในวันถัดไป
       
       9 กันยายน 2009 - จ็อบส์เผยโฉมเครื่องเล่นเพลงพกพา ไอพอด รุ่นใหม่ในซานฟรานซิสโก และกล่าวเหน็บภายในงานเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของเขาว่าเป็นการ พูดเกินความจริง
       
       16 ธันวาคม 2008 - มีการจัดงานแมคเวิลด์ขึ้นอีกครั้ง แต่สตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้ปรากฏกายภายในงาน
       
       5 มกราคม 2009 - จ็อบส์ ออกมาอธิบายเหตุผลที่ตนน้ำหนักลดลง เกิดจากความผิดปกติทางฮอร์โมน ซึ่งอยู่ในระหว่างการรักษาตัว
       
       14 มกราคม 2009 - สตีฟ จ็อบส์ เขียนอีเมลลางานเพื่อรักษาตัวถึงเดือนมิถุนายน โดยบอกว่าโอนหน้าที่ของตัวเองให้ ทิม คุก รับผิดชอบงานบริหารแทนไปก่อน
       
       29 มิถุนายน 2009 - แอปเปิล ประกาศว่า สตีฟ จ็อบส์ กลับมาทำงานแล้ว ทำให้หุ้นของแอปเปิลพุ่งสูงขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับวันที่ 15 มกราคม
       
       9 กันยายน 2009 - ขึ้นเวทีโชว์ตัวแก่สาธารณะชนครั้งแรก หลังจากพักรักษาตัว พร้อมกับเปิดตัว ไอพอด รุ่นใหม่ ที่ซานฟรานซิสโก อีกครั้ง
       
       27 มกราคม 2010 - ขึ้นเปิดตัวแท็บเล็ตนาม ไอแพด (iPad) ที่กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าปฏิวัติอุตสาหกรรม ทั้งนี้แอปเปิลสามารถขาย ไอแพด ได้ทั้งหมด 7.3 ล้านเครื่องภายในไตรมาสเดียว
       
       17 มกราคม 2011 - จ็อบส์ส่งอีเมลถึงพนักงงานแอปเปิลอีกครั้งเพื่อลางานรักษาตัว พร้อมระบุว่า ตนเองรักแอปเปิลมาก และหวังว่าจะกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด ทิม คุก ขึ้นรับหน้าที่แทนจ็อบส์อีกครั้งหนึ่ง
       
       2 มีนาคม 2011 - จ็อบส์กลับมาจากการพักรักษาตัว พร้อมขึ้นเวทีเปิดตัว ไอแพด 2
       
       24 สิงหาคม 2011 - จ็อบส์ตัดสินใจลาออกจากการเป็นซีอีโอ และผลักดันให้ทิม คุก ขึ้นรับตำแหน่งแทน
       
       5 ตุลาคม 2011 - รายงานล่าสุด คาดการ์ณว่าโรคมะเร็งได้คร่าชีวิต 'สตีฟ พอล จ็อบส์' ภายในบ้านพักเมือง พาโล อัลโต รัฐ แคลิฟอร์เนีย
       




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9540000127415

ลัคกี้มิวสิค เปิดตัว Jamhub อุปกรณ์สุดเจ๋ง ปฏิวัติวงการห้องซ้อมดนตรี

บริษัท ลัคกี้มิวสิค จำกัด (มหาชน) นำโดยคุณปรีชา อัศวรุ่งเรืองเปิดตัว Jamhub อุปกรณ์การเล่นดนตรีร่วมกัน(Jam) โดยไม่ต้องมีเสียงกวนใจ เพียงแค่เสียบหูฟังก็สามารถได้ยินเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ทั้งเบส กลอง กีต้าร์และเสียงร้อง ภายในงานสาธิตการใช้โดยพี่หมู ตาวัน และเพื่อน โชว์การแจมแบบไร้เสียงและเปิดผ่านลำโพงให้มีเสียงฟังกันทั่วถึง คาดว่าอุปกรณ์ตัวนี้คงจะได้รับการตอบรับจากนักดนตรีที่มีปัญหาเรื่องเสียงกวนคนข้างบ้าน คนใกล้ตัวได้แน่นอน สนใจ Jamhub ไปได้เลยที่ร้านลัคกี้มิวสิค ถ.เพชรบุรี

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประวัติดนตรียุคบาโร้ค(Baroque) ค.ศ.1600-1750


     ประวัติดนตรีในยุคบาโร้ค เริ่มต้นในตอนศตวรรษที่ 16 จนถึงกลางศตวรรษที่ 18 ประมาณ 150 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่กินเวลายาวนาน พัฒนาการดนตรีจึงมีหลากหลายรูปแบบ แต่ลักษณะที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของดนตรีบาโร้คอาจกล่าวได้ดังนี้คือ
     1.การใช้เครื่องดนตรีหรือเสียงร้องเล่นประชันกัน หรือการร้องประชันกับเครื่องดนตรี
     2.ดนตรี 2 แนวประสานกัน อย่างเช่น การมีเสียงเบสเคลื่อนที่ตลอดเวลา
     3.ในยุคนี้เริ่มมีการใช้บันไดเสียงMajor และมีหลักการสร้างเสียงประสานที่ชัดเจน บทเพลงในยุคก่อนหน้านี้มีเพียงคู่เสียง แต่ในยุคบาโร้คเริ่มมีการประสานเสียงเป็นคอร์ด
     4.ในยุคนี้เริ่มมีการแบงความเร็วจังหวะ เช่น Adagio (ช้า) , Andante (ธรรมดา) , และAllegro (เร็ว)เป้นต้น รวมทั้งเริ่มนำความดัง ค่อย มาไว้ในบางบทเพลง รวมทั้งมีวรรคของเพลง หรือท่อน Bridge
     ในส่วนของเพลงที่เกี่ยวข้องกับศาสนาก็ยังเป็นหลักทีผู้ประพันธ์เพลงในยุคนี้ใช้เป็นแรงบันดาลใจ เครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลิน เช่น วิโอล่า หรือดับเบิ้ลเบส เริ่มเข้ามาแทนที่เครื่องเล่นออร์แกนทำให้เสียงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
     การบันทึกตัวโน้ตได้รับการพัฒนามาจนเป็นลักษณะการบันทึกตัวโน๊ตที่ใช้ในปัจจุบัน คือการใช้บรรทัด 5 เส้น การใช้กุญแจซอล  (G Clef) กุญแจฟา (F Clef) เป็นต้นแต่สัญลักษณ์ยังมีไม่มากเหมือนที่ใช้ในปัจจุบัน
     ผู้ประพันธ์เพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนี้ อย่างเช่น Johann Pachelbel (พาเชลเบล) , Antonio Vivaldi (วิวาลดี) และ Johann Sebastian Bach (บาค) เป็นต้น

รับสอนกีต้าร์ เบส กลอง สนใจติดต่อสอบถาม คลิ้ก!

ข้อมูลจาก นิตยสาร The Guitar Mag VOL.38 NO.403 OCTOBER 2007 ปก Bodyslam save my life
คอลัม Extreme Music by อ.อั้ม

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Top Question from Guitarist รวมคำถามตลอดกาลของมือกีต้าร์ พร้อมคำตอบ

โดย Vinai Trinateepakdee

1. อยากเก่งมั่งทำไงดีครับ -  )()*&&^$^%$& หาวิตามินกินมั้ง-*-

2. ฝึกยังไงให้เก่ง - ฝึกให้ถูกเรื่องถูกทาง แก้ปัญหาให้ถูกจุด ถ้าทำเองไม่ได้แนะนำให้หาที่เรียนซะ แต่ก็ต้องหาให้ถูกที่ไม่งั้นอาจออกทะเลยิ่งกว่าเดิม และอย่าลืมการฝึกกับการนั้งเล่นไม่เหมือนกัน ต้องแยกแยะ

3. ปรับFXยังไงให้เสียงดี - อันนี้บอกตามตรงไม่มีใครรู้ว่า ดีของคุณคืออะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบ ทั้งนั้น

4. ปรับยังไงให้เสียงไม่จม - จมคือเสียงมันไม่โผล่เวลาเล่นวงใช่มั้ย 1ในสาเหตุที่เห็นมาคือ บ้านเราชอบปรับกีต้ารกันแบบทู่ๆอับๆ เหมือนกลัวเสียงแหลมกัน เพราะเสียงแหลมเนี่ยมันทำใหัชัด พอชัดแล้วเล่นผิดมันก็ผิดชัดขึ้น เล่นยากเลยปอด ปรับทู่ๆนัวๆ เล่นอะไรมันก็เหมือนดี แต่ดีแค่รู้สึกอยู่คนเดียวคนฟังๆไม่ออกเพราะมันจม อีกสาเหตุก็คือใช้FXไม่ถูกทางสมัยนี้มัลติFXส่วนใหญ่จะมีระบบSpeaker simหรือจำลองเสียงลำโพงและไมค์มาด้วย เพื่อเอาไว้ต่อไลนตรง แต่หลายคนชอบเอาไปต่อหน้าAmpโดยที่ยังไม่ปิดFuntionนี้ มันก็เละสิ ลองนึกดูว่าถ้าเรา เอาไมคจ่อampไว้ แล้วจากไมคนั่นแทนที่จะไปMixer ก็ดันเอาไปเข้าinของอีกAmp จะเกิดอะไรขึ้น นั่นละเรื่องเดียวกัน

5. ผมเล่นก้อนจะเรียงFXยังไงดี  
-FXแม่งออกเป็น3กลุ่มใหญ่ๆ
   1.  Wah,Compressor,เสียงแตกต่างๆ
   2.  Modulation ต่างๆ Chorus,Flanger,Phaser,Tremolo
   3.  Ambience   - Delay,Reverb

       - กลุ่มที่1และ2 สามารถสลับได้ตามใจชอบ แต่กลุ่มที่3 เท่านั้นที่ต้องอยู่หลังสุดเสมอนอกเสียจากว่าคุณจะชอบเสียงตอนที่มันต่ออยู่ตำแหน่งอื่นจริงๆ อันนี้Up to u

6. FXหรือAmp แพงๆมันดีกว่าจริงหรือ - ไม่เสมอไปแต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น แต่จำไว้อย่างนึงว่าของจะดีแค่ไหนสิ่งที่จะทำให้มันทำงานคือตัวเรา ถ้าเราซื้อFX ราคาไม่แพงแล้วใช้มันได้เต็มประสิทธิภาพ เข้าใจในอุปกรณ์อย่างดี ก็ดีกว่ามีเงินซื้อของแพงแต่ไม่รู้จักแม้ว่าCompressorคืออะไร

7. Guitarแพงๆมันดียังไง - คำตอบไกล้เคียงกับข้อ6 คือทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ มีกีต้าร์หลักแสนหลายตัวที่ผมลองแล้วไม่เคยคิดอยากได้เป็นเจ้าของ แต่ว่ากีต้ารที่ได้มาตรฐานที่ดีก็มักราคาไม่ถูก มาตรฐานที่ดีคือเล่นง่ายสบายมือ ตอบสนองดีเล่นแล้วไม่เหนื่อย อะไหล่ดีทนทาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราด้วยว่าเราจะเรียกเสียงที่ดีออกมรจากมันได้มั้ย เปรียบเหมือนคนบางคนขับรถไม่เคยเกิน60กม/ชม แต่ดันไปซื้อFerrariมาขับ มันเหมือนคุณซื้อมา10ล้านแต่ขับอยู่4แสน

8. อยากเล่น/ทำงานอาชีพทำยังไงสมัครที่ไหน -  ต้องยอมรับว่างานสายดนตรีนี้ไม่มีกฏเกณ์ตายตัว และใช่ว่าคุณจบเอกดนตรีมาแล้วจะมีงานทำ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณเอง ถ้าตั้งใจหมั่นฝึกฝนและเตรียมพร้อมให้กับตัวเอง เมื่อขณะยังมีเวลาอยู่ และหาโอกาสให้ตัวเองได้แสดงออกเท่าที่ทำได้ ถ้าคุณพร้อมจริงๆเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม งานจะมาหาคุณเอง "งานอาชีพมีไว้สำหรับมืออาชีพ ถ้าคุณยังไม่ใช่ก็จงทำให้มันใช่ซะ"

9. เราจะมีรายได้พอเพียงมั้ยกับการทำงานดนตรีเพียงอย่างเดียว - สำหรับผม ผมตอบได้ว่ามันก็พอเพียงถ้าขยัน จริงๆในยุคนี้แค่ทำงานดนตรีด้านใดด้านนึงอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว สิ่งสำคัญคือพยายามสร้างสังคมและหนทางไว้ให้มากที่สุดเปรียบเหมือนใบของเรือที่กางออกไปให้ได้มากที่สุดไว้ก่อน แล้วเมื่อถึงเวลาที่ลมมันมา เรือคุณก็จะแล่นฉิ่วเอง

10. เล่นดนตรีแล้วจะมีสาวๆมั้ย  -   -*- ถ้าคิดจะเล่นดนตรีเพราะเหตุผลนี้แบบหนังเรื่องSuckseedละก็สุดท้ายมันก็จะลงเอยแบบในหนังนั่นแหละ

11.Fx ก้อนดีกว่ามัลติ FX จริงรึไม่ - จะบอกว่าดีกว่าคงไม่ใช่แต่FXก้อนด้วยความที่มันให้กำเนิดเสียงจากวงจรแบบAnalog100%  เสียงที่ได้จึงมีความธรรมชาติกว่าในด้านความรู้สึก ตอบสนองสัมผัสต่อการเล่นดีกว่าAttack,Dynamicที่ดีกว่า แต่บางคนก็บอกคุมยากกว่า เพราะDynamicมันเยอะกว่าพวกมัลติFXที่มักจะมีความรู้สึกบีบเท่าๆกันติดนิ้วๆ(compress)เล่นง่าย อันนี้แล้วแต่ความชอบ ส่วนเรื่องเนื้อเสียงในปัจจุบันAnalogก็ยังคงดีกว่าDigital เพราะอย่าลืมว่าdigital คือการจำลองเสียงจากAnalogยังไงมันไม่มีทางเหมือนได้100%  ในปัจจุบันมัลติFXที่ให้ความรู้สึกและเสียงที่ไกล้เคียงAnalogที่สุดคงไม่พ้นFractal Axe FX จะบอกว่า100%คงไม่ใช่ แต่เรียกได้ว่าไกล้เคียงที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมัลติFXถือกำเนิดมา แต่ราคาก็สูงตามคุณภาพ และในทางกลับกันFXก้อนที่ออกมามากมาย ก็มีหลายตัวที่ไม่ใช่Analog100%เพียงแค่ทำหน้าตาให้เหมือนstomp แค่นั้นแต่เสียงที่ออกมา ก็มาจากDSP อยู่ดี ดังนั้นระวังอย่าให้ภาพลักษณ์ของคำว่าStomp boxมาลวงตาคุณได้

12.ถ้าเรียนกีต้าร์กับคุณหนึ่ง จะใช้เวลาแค่ไหนถึงจะเก่ง - ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนไม่ว่าคุณจะเรียนที่ไหน ถ้าคุณขยันเอาจริงเอาจังและหัวไวด้วย ก็จะเก่งเร็ว แต่ถ้าดันขี้เกียจ และแถมหัวช้าอีก ก็อาจจะภพหน้าเลยก็เป็นได้ ดังนั้นลืมคำถามไร้สาระแบบนี้ซะ แล้วเอาเวลาไปฝึกซะ!!

13.เรียนต่อมหาลัยดนตรีที่ไหนดี - ที่ไหนก้ได้ที่เดินทางสะดวกไปเรียนแล้วไม่เหนื่อย ที่เหลืออยู่ที่ตัวคุณเอง ใบปริญญาแทบไม่มีความหมายกับสายอาชีพนี้เลย นอกเสียจากว่าคุณอยากจะเป็นครูประจำเท่านั้น

14.ถ้าเราซื้อกีต้าร์ถูกๆตัวไม่กี่พันบาทแล้วมาโมมันจะดีขึ้นได้ไกล้เคียงกีต้ารแพงๆมั้ย? - คิดว่าเราเอาToyotaมาโมให้เป็นFerrariมันจะได้มั้ย ก็คงได้แค่กลิ่นๆ เพราะมันไม่ได้ตั้งแต่โครงสร้างของตัวรถแล้ว กีต้าร์ก็เหมือนกัน แต่ที่สำคัญคือกว่าจะได้แค่กลิ่นไม่รู้จะเสียค่าโมจนแทบจะซื้อกีต้าร์ตัวจริงๆได้เลยรึปล่าว ดังคำที่ว่่า "งานแก้เปลืองกว่างานสร้าง" มักจะได้ไม่คุ้มเสีย

ขอบคุณบันทึกดีๆมีประโยชน์มากมาย จาก คุณหนึ่ง วินัย ไตรนทีภักดี ครับผม

from http://www.facebook.com/note.php?note_id=10150252469518236

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

โปรโมชั่นพิเศษ เดือนตุลาคม





package1 : ทุกคอร์สปกติ หนึ่งเดือนเรียน4ครั้ง/รอบเดือน ลงเรียนเดือนนี้ แถมฟรีอีก1ครั้ง
หรือ
package2 : รับส่วนลดค่าเรียน
-เรียนเดี่ยว 1ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ปกติ 800 เหลือ 649 บาทต่อเดือน
-เรียนเดี่ยว 2ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ปกติ 1200 เหลือ 999 บาทต่อเดือน
-เรียนกลุ่ม 1ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ปกติ 600 เหลือ 499 บาทต่อเดือน
-เรียนกลุ่ม 2ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ปกติ 1000 เหลือ 849 บาทต่อเดือน

**โปรโมชั่นยกเว้นคอร์สกลองชุดนะครับ
***เรียนกลุ่มหากลงเรียนท่านเดียว ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกลงเวลาเรียนนะครับ

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

Stomp boxเสียงแตกกับปัญหาโลกแตก


Stomp boxเสียงแตกกับปัญหาโลกแตก เลือกตู้หรือไม่เลือกตู้ อะไรเหมาะกับอะไร
ถ้าพูดถึงเรื่องเสียงแตกก้อนๆ(Stomp box) คำที่เรามักใช้ติดปากเวลาเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้คือ"เสียงมันเลือกตู้มั้ยครับ"
   ว่าแต่อะไรคือเลือกตู้ไม่เลือกตู้ - เรามักจะพบว่าเสียงแตกเหล่านี้โดยเฉพาะเสียงDistortionจะมีปัญหากับตู้บางประเภท โดยเฉพาะตู้StackหรือHeadamp จริงๆแล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นStackหรือปล่าว แต่ประเด็นคือเราต้องทำความเข้าใจกับAmpที่เราจะเอาStompเหล่านั้นไปใช้ซะก่อน


เลือกใช้Ampให้ถูกประเภท:
     นักดนตรีบ้านเรานั้นจำต้องทำงานกับBacklineหรือเครื่องเช่า,เครื่องประจำร้านที่ถูกเลือกใช้อย่างผิดๆมาเป็นเวลานานมากๆ สังเกตุได้ว่าเครื่องเช่าหรือเครื่องตามPubทั่วไป มั้กจะเลือกใช้แบบHeadampและมักจะเป็นMarshallซะด้วย ทำไมถึงต้องมีแต่Marshallนะหรือ
1.ยี่ห้อเก่าแก่
2.ราคาไม่สูงมาก
3.มีแต่คนรู้จัก
  จะเห็นว่า3ข้อข้างต้นไม่ได้พูดถึงองค์ประกอบหรือประสิทธิภาพและลักษณะการใช้งานของAmpตัวนั้นๆเลย หลายๆคนอาจจะตกใจถ้าผมจะบอกว่ามันเป็นการเลือกที่ "ผิดมากๆ"และโครตจะ"สิ้นเปลือง"มากๆ ทำไมน่ะหรือ

    Amp Marshall เป็นAmpที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านเสียงแตก จุดขายของมันคือเสียงแตกจากตัวมันเอง แต่บ้านเราดันทะลึ่งใช้แต่เสียงคลีน(คงไม่เถียงว่านักดนตรีกว่า99%ที่ไปเจอแอม์แบบนี้แล้วไม่เคยคิดจะใช้เสียงแตกจากมันเลย เห็นพวกเปิดแต่คลีนทั้งนั้น เพราะFXเสียงแตกเอามาเอง) ดังนั้นเมื่อจุดเด่นมันคือเสียงแตก ก็หมายถึงว่ามันไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อให้เราใช้กับเสียงแตกภายนอกเลย มันต้องการให้ใช้เสียงแตกของมัน "จุดเด่นเราคือเสียงแตกทำไมดันใช้แต่คลีนเล่าพี่น้อง!!!!" จุดเด่นมีแต่เราดันไปใช้จุดด้อย มันคงจะดีหรอกนะน่ะ

    ดังนั้นAmpที่เหมาะสมกับการใช้งานแบบนี้คือClean ampหรือAmpที่ดีไซน์มาเพื่อใช้เสียงคลีนเป็นหลัก เป็นมิตรกับFXที่จะเอาพ่วง เช่นFender,Dr Z เป็นต้น แต่ทำไมบ้านเราไม่ค่อยใช้น่ะหรือ เพราะบ้าWattไง ไปเชื่อพวกเครื่องเช่าว่า สถานที่ใหญ่ๆต้องWattเยอะๆ ถามว่าคุณมึงจะเอาWattเยอะให้มันดังโลกแตกกันไปถึงไหน Monitorมีไม่คิดจะฟังกันหน่อยหรือ แล้วจะจัดMonitorมาทำซากอะไร เอาไว้วางเท้าเท่ๆ? และก็Amp comboพวกนี้ไม่ใช่ว่าWattจะน้อยซักหน่อย เช่นFender twin reverb2x12 combo นั้นกำลังขับที่100watt และดังโครตพ่อชนิดที่ว่า Headamp+4x12ยังสู้ไม่ไหว ดังนั้นแล้วมันดังไม่พอตรงไหนหรือ แถมราคาถูกว่าHeadamp+cab 4x12 ตั้งเยอะ ทั้งนั้นเราจะเอางบไปลงAmpที่ซื้อมาแล้วใช้มันแค่1ใน 3 ไปเพื่ออะไรกันล่ะ

    สรุป 
       สำหรับผู้ใช้งาน - ก่อนเล่นก็ทำความรู้จักกับAmpที่จะใช้ซักหน่อยว่ามันดีไซน์มาใช้งานแบบไหน สังเกตุง่ายๆว่าแอมป์ที่ไม่ได้เน้นเสียงคลีนมันจะมีChเยอะ ปุ่มๆเยอะๆ แม้บางตัวก็ทำเสียงคลีนมาได้น่าประทับใจ แต่เชื่อเหอะ ไอ้เครื่องเช่ามันมักจะไม่รู้จักหรอก เพราะรู้จักแต่มาแชนนนนน  ก็เตรียมรับมือกันไว้จะได้เตรียมอุปกรณ์ไปถูกงาน
       สำหรับเจ้าของร้าน,Pub,เครื่องเช่า -หยุดเสียที่เถิดกับประเพณีนิยมบ้าStack จะขนมาวางทำไมให้มันล้นเวที ในเมื่อการใช้งานมันไม่ได้เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย เครื่องที่ยืดหยุ่นการใช้งานที่สุดคือเครื่องที่ มีปัจจัยที่จำเป็นเท่านั้นไม่ต้องเผื่ออะไรที่ไม่มีมนุษย์คนไหนมันใช้หรอก เอางบไปซื้อMonitorเพิ่มหรือจ้างซาวด์เอนจิเนียรดีๆมาทำงานดีกว่า

ปล Amp Marshallบางรุ่นที่มีChเสียงคลีนที่น่าประทับใจไม่น้อยก็มีแต่หายากที่จะเจอ เพราะส่วนใหญ่จะเจอแต่Jcm800,900 แถมาสภาพไม่รู้ซ่อมมาจนยับเยินเท่าไรแล้ว ดีขึ้นมาหน่อยก็ตระกูลJcm2000 เสียงคลีนดีขึ้นมาหน่อย เป็นมิตรกับเสียงแตกก้อนๆขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังห่างไกลกับพวกคลีนแอมป์แท้ๆอยู่ดี




โดย Vinai trinateepakdee

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

Guitar


กีต้าร์ (Guitar) เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง จัดเป็นพวกเครื่องสาย มักจะเล่นด้วยนิ้วมือซ้าย และดีดด้วยนิ้วมือขวาหรือใช้ปิ๊กดีดกีตาร์ เสียงของกีตาร์นั้นเกิดจากการสั่นสะเทือนของสาย ทำให้เกิดกำทอน (resonance) แก่ตัวกีตาร์และคอกีตาร์


กีตาร์นั้น มีทั้งแบบกีตาร์อะคูสติก และกีตาร์ไฟฟ้า บางตัวก็เป็นได้ทั้งสองอย่าง กีตาร์มีส่วนตัวเป็นกล่องกำทอน ซึ่งในกีตาร์อะคูสติกจะเจาะเป็นช่อง ส่วนกีตาร์ไฟฟ้ามักจะตัน และมีโพรงในส่วนคอกีตาร์ โดยทั่วไปแล้วส่วนหัวของกีตาร์จะยืดขึ้นไปจากคอ เพื่อใส่ลูกบิดหมุนสายสำหรับปรับเสียง


กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมใช้แพร่หลาย[ต้องการอ้างอิง] และใช้กับดนตรีหลากหลายสไตล์ นับเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมใช้บรรเลงเดี่ยวอย่างกว้างขวางที่พบเห็นมากที่สุดคือกีตาร์คลาสสิก และยังเป็นเครื่องดนตรีหลักในวงดนตรีประเภทบลูส์ และดนตรีร็อกอีกด้วย กีตาร์สามารถเล่นในยามว่าง หรือ เป็นงานอดิเรก ได้ดี
ปกติกีตาร์จะมี 6 สาย แต่แบบ 4- 7- 8- 10- 12- สายก็มีเช่นกัน ผู้ประดิษฐ์กีตาร์จะเรียกว่า luthier



ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org